Previous slide
Next slide
Previous slide
Next slide

รวมทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) คืออะไร? ฉีดแฟตกี่วันเห็นผล? อยู่ได้นานแค่ไหน?

ในบางครั้ง ไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น แก้ม เหนียง หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา ก็ไม่สามารถกำจัดออกได้หมด แม้ว่าจะออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหารดีแค่ไหนก็ตาม ด้วยเหตุนี้การใช้ตัวช่วยอย่างการฉีดเมโสแฟต จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ที่ตอบโจทย์ที่สุด แล้วการฉีดเมโสแฟตคืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง? ฉีดแฟตกี่วันเห็นผล? บทความนี้มีคำตอบ

รู้จักการฉีดเมโสแฟตช่วยอะไรได้บ้าง และฉีดแฟตกี่วันเห็นผล?

การฉีดเมโสแฟต คือ การฉีดตัวยา หรือสารที่มีฤทธิ์ในการสลายไขมันลงไปในบริเวณที่ต้องการสลายไขมัน เช่น แก้ม เหนียง หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา ซึ่งจะสามารถช่วยสลายไขมันส่วนเกินได้บางส่วน และขับออกทางระบบขับถ่าย และในส่วนของการฉีดแฟตกี่วันเห็นผลนั้น จะเห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 15% และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 1 – 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีสุด ควรฉีดแฟตต่อเนื่องประมาณ 4 – 5 ครั้ง หรือตามที่แพทย์แนะนำ

รีวิวการฉีดเมโสแฟต สลายไขมันส่วนเกิน ที่ใจรักษ์คลินิก

ฉีดเมโสแฟต ลดแก้ม

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟต

การฉีดเมโสแฟตคืออะไร?

เมโสแฟต (Meso Fat) หรือที่นิยมเรียกว่า “ฉีดแฟต” คือ การฉีดสาร ตัวยา หรือวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยสลายไขมันเข้าสู่ผิวหนัง โดยฉีดบริเวณชั้นไขมัน เป็นวิธีที่ช่วยลดเซลลูไลท์และไขมันได้อย่างตรงจุด โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวผ่าตัด หรือศัลยกรรม และทำให้ส่วนที่ต้องการลดไขมันดูกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การฉีดแฟตทำได้หลายวิธี เช่น ฉีดบนชั้นไขมันบริเวณที่ต้องการลดไขมัน หรือใช้เข็มสะกิดทั่วใบหน้าในปริมาณที่เหมาะสม โดยมีหลักการทำงานคือ เมื่อฉีดสารเข้าไปในชั้นผิวแล้ว จะทำการสลายไขมัน และไขมันที่ถูกสลายนั้นจะถูกขับออกทางระบบขับถ่าย ช่วยให้ไขมันที่อยู่บริเวณนั้นลดลงได้

ฉีดแฟตกี่วันเห็นผล?

ฉีดแฟตกี่วันเห็นผลนั้น หลังจากที่ฉีดไปแล้ว จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งที่ฉีด โดยไขมันจะลดลงไปประมาณ 15% และจะเห็นผลได้ชัดประมาณ 1 – 3 สัปดาห์หลังฉีด ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคน และรวมไปถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

เมโสแฟตฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

เมโสแฟตสามารถฉีดได้หลากหลายจุดที่มีไขมันสะสม เช่น หน้าท้อง ต้นแขน สะโพก และต้นขา แต่ที่นิยมฉีดกันคือบริเวณใบหน้า แก้ม ใต้คาง และเหนียง ซึ่งจะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้ โดยแต่ละบริเวณจะมีรายละเอียดดังนี้

1. ฉีดลดแก้ม

เป็นการฉีดเพื่อช่วยสลายไขมันบริเวณกระพุ้งแก้ม ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น และลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้า

2. ฉีดลดเหนียง

ในผู้ที่มีอายุมาก มักจะมีเหนียง (ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณคาง) ค่อนข้างเยอะ และทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของผิว จึงต้องฉีดแฟตสลายไขมันบริเวณเหนียง เพื่อลดคางสองชั้น

3. ฉีดลดไขมันหน้าท้อง

ไขมันหน้าท้องเป็นปัญหาหลักที่หลาย ๆ คนต้องพบเจอ การฉีดแฟตสามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินบางส่วนออกได้ อย่างไรก็ตาม หากมีไขมันสะสมในปริมาณมาก การฉีดแฟตอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร แนะนำให้รักษาด้วยหัตถการอื่น เช่น ดูดไขมัน จะดีกว่า

4. ฉีดสลายไขมันต้นแขนและต้นขา

การฉีดแฟตสลายไขมันบริเวณต้นแขนและต้นขา จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมจำนนวนน้อย แต่ถ้าหากมีปริมาณมาก จะแนะนำให้เป็นการดูดไขมันมากกว่า เพราะจะรักษาได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า

5. ฉีดลดน่อง

ในส่วนของการฉีดแฟตบริเวณน่อง จะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์ก่อนว่า ในส่วนที่อยากลดนั้นเป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อ เพราะส่วนใหญ่มักจะพบเป็นกล้ามเนื้อมากกว่า ซึ่งหากเป็นกล้ามเนื้อจะแนะนำให้รักษาด้วยการฉีดโบท็อกจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

การฉีดเมโสแฟตเหมาะกับใคร?

การฉีดแฟตจะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการไขมันส่วนเกินบริเวณต่าง ๆ บนร่างกาย ไม่จำกัดเฉพาะบริเวณใบหน้าเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น

  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า ได้แก่ แก้ม เหนียง สำหรับคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย หรือรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันในปริมาณมาก ทำให้ไขมันสะสมอยู่บริเวณแก้ม หรือเหนียง ซึ่งเมื่อฉีดเมโสแฟตแล้วจะสามารถลดไขมันได้บางส่วนประเมิน 15% ตั้งแต่ครั้งแรก
  • ผู้ที่ต้องการขจัดไขมันส่วนเกิน เช่น บริเวณ ต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก ซึ่งแต่ละบริเวณที่กล่าวมา ต้องให้แพทย์พิจารณาก่อนว่าส่วนเกินที่ออกมานั้นเกิดขึ้นจากไขมัน หรือกล้ามเนื้อ หากเป็นกล้ามเนื้อจะต้องเปลี่ยนเป็นการใช้โบท็อกเพื่อลดส่วนเกินออกแทน แต่ถ้าเป็นไขมันก็สามารถรักษาได้ อย่างไรก็ตาม หากไขมันบริเวณที่ต้องการจะสลายมากเกินไป วิธีการฉีดเมโสแฟตอาจจะไม่เหมาะสม
  • ผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง การฉีดแฟตจะทำให้หน้าท้องเรียบเนียนขึ้น ไม่มีไขมันส่วนเกิน แต่ต้องทำควบคู่กับการกระชับผิวบริเวณหน้าท้องด้วยเช่นกัน
  • ผู้ที่พยายามลดไขมันแต่ยังไม่ได้ผล ทำเท่าไหร่ก็ไม่ลด เช่น บุคคลที่ออกกำลังกายมาเป็นเวลานานแต่ส่วนที่อยากลดไม่ลง
  • ผู้ที่ต้องการลดไขมันอย่างเร่งด่วน
  • ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนไขมันโดยไม่ใช้การผ่าตัด และไม่ต้องการพักฟื้นเป็นเวลานาน

การฉีดเมโสแฟตไม่เหมาะกับใคร?

  • หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง ผิวหนังติดเชื้อ
  • ผู้ที่เป็นสิวอักเสบอย่างรุนแรง ควรรักษาให้หายก่อนเข้ารับบริการ

ข้อดีของการฉีดเมโสแฟต

  • หลังจากการฉีดเมโสแฟตไม่ต้องพักฟื้น
  • มีอาการบวมช้ำเล็กน้อยหลังจากฉีด
  • ใช้เวลาในการทำไม่นาน
  • ราคาไม่แพงสามารถเข้าถึงได้
  • มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
  • ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์เร็ว
  • ทำให้หน้าได้สัดส่วนที่ต้องการในระยะเวลาอันสั้น
  • ไม่ต้องผ่าตัด ดูแลรักษาง่าย

ข้อเสียของการฉีดเมโสแฟต

  • ไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังจากได้รับการฉีด ต้องอาศัยระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
  • ไม่สามารถรักษาคนที่มีไขมันสะสมเป็นจำนวนมากได้ ในการฉีดครั้งเดียว จะต้องมีการกลับมาฉีดซ้ำ 3 – 5 ครั้งจึงจะเห็นผล

การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสแฟต

การเตรียมตัวก่อนฉีดแฟตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะหากเตรียมตัวดี จะช่วยลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการฉีดแฟตได้มาก โดยควรเตรียมตัวก่อนไปฉีดแฟตด้วยวิธีการต่อไปนี้

  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดทานวิตามินที่มีผลต่อเลือด
  • ไม่ใช้ยากลุ่มแอสไพรินในระยะเวลา 48 ชั่วโมง
  • ไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

การดูแลตนเองเองหลังฉีดเมโสแฟต

หลังจากฉีดแฟตแล้ว จะต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย และเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา ดังนี้

  • ดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อช่วยขับไขมันส่วนเกินออกมาจากร่างกาย
  • ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อช่วยกระชับกล้ามเนื้อ
  • ไม่เข้าใช้บริการซาวน่า และทำทรีทเมนท์นวดตัวเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้เกิดการฟกช้ำบริเวณรอยที่ฉีด
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
  • ไม่ควรกด หรือนวดบริเวณที่ฉีด
  • เปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร ไม่รับประทานของมัน ของทอด เพื่อลดการสะสมของไขมัน

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังฉีดเมโสแฟต

หลังฉีดแฟต อาจมีอาการบวมจากตัวยาที่ฉีด โดยจะสามารถหายได้เองภายใน 1 – 3 วันหลังฉีด หรือบางคนสามารถหายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังฉีด ทั้งนี้อาการบวมมากน้อยนั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน และไม่ควรมีอาการอื่น ๆ ข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นอาการปวด หรืออักเสบ

ฉีดเมโสแฟตแตกต่างจากการฉีดโบท็อกอย่างไร?

การฉีดแฟต หรือแมโสแฟต เป็นการฉีดตัวยาที่มีฤทธิ์ในการสลายไขมัน โดยไขมันที่สลายจะถูกขับออกทางระบบขับถ่าย ในขณะที่การฉีดโบท็อกจะเป็นการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum Toxin A) เข้าไปทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทำงานได้น้อยลง
ด้วยเหตุนี้ การเลือกปรับโครงสร้างหน้าด้วยการฉีดแฟต หรือฉีดโบท็อก จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อที่จะได้ดูว่าปัญหาเกิดจากไขมัน หรือกล้ามเนื้อ และวางแผนรักษาใบหน้าได้อย่างตรงจุดนั่นเอง

สามารถฉีดเมโสแฟตควบคู่กับการฉีดโบท็อกได้หรือไม่?

สามารถฉีดแฟตควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลการรักษาได้ โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาทั้งไขมันสะสมบริเวณใบหน้าเยอะ และมีกรามใหญ่เกินไป โดยระยะเวลาของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคน หากมีการทำควบคู่กันเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟต

นอกจากข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการฉีดแฟตอย่างฉีดแฟตกี่วันเห็นผลแล้ว เรายังได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟตมาให้ด้วย ใครที่มีข้อสงสัย สามารถดูคำถามและคำตอบได้เลย

1. ฉีดเมโสแฟตอยู่ได้นานไหม?

ผลลัพธ์ของการฉีดแฟตจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล ทั้งกิจกรรมที่ทำ อาหารที่รับประทาน การออกกำลังกาย และการพักผ่อน แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 – 3 เดือน

2. ฉีดเมโสแฟตเจ็บไหม?

การฉีดเมโสแฟต จะใช้เข็มฉีดบริเวณจุดที่ต้องการรักษา โดยก่อนฉีดจะมีการนำน้ำแข็งมาประคบเพื่อช่วยลดอาการเจ็บ หรือกรณีคนที่กลัวเจ็บมาก ๆ จะมีการแปะยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ จากที่มีการสอบถามคนไข้ ส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บตอนกำลังเดินยาเท่านั้น

3. ฉีดเมโสแฟตบวมกี่วัน?

เมื่อฉีดแฟตแล้ว จะมีอาการบวมในบริเวณที่ฉีดประมาณ 1 – 3 วัน หรือบางรายจะบวมอยู่ที่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากฉีดเท่านั้น ทั้งนี้อาการบวมจะมาก หรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน

4. ฉีดเมโสแฟตกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

โดยปกติแล้วการฉีดแฟตจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะสังเกตได้ภายใน 5 – 7 วัน และเห็นผลได้เต็มที่ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ หากการฉีดให้ผลไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งปกติจะฉีดประมาณ 4 – 5 ครั้ง และการฉีดเมโสแฟตต่อเนื่องจะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น

5. ฉีดเมโสแฟตอันตรายไหม?

ในกรณีที่ใช้ตัวยาที่เป็นของแท้ ได้รับการรับรองจากอย. และฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดแฟตโดยเฉพาะ การฉีดแฟตจะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม หากใช้ตัวยาที่ไม่ผ่านการรับการรับรองก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ เช่น

  • สเตียรอยด์ (Steroid) : มีคนนำมาฉีดเพื่อประหยัดต้นทุนและเห็นผลไว แต่เมื่อฉีดไปเรื่อย ๆ จะทำให้เกิดอาการหน้าบวมมากยิ่งขึ้น เกิดอาการอักเสบและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เพราะสเตียรอยด์จะเข้าไปกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยสเตียรอยด์ที่ผสมเข้าไปในเมโสแฟตนั้น จะมีทั้งขาวขุ่น และขาวใส ซึ่งหากดูแค่เข็มจะแยกไม่ออก ก่อนฉีดทุกครั้งจึงควรขอดูยี่ห้อของเมโสแฟต รวมถึงบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยก่อน
  • ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) : เป็นสารที่นำมาใช้ในการฉีดสลายฟิลเลอร์ หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะมีความปลอดภัย และไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีคนนำมาฉีดแทนเมโสแฟตเช่นกัน ซึ่งถ้าหากนำมาฉีดในปริมาณมากจะทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวสลาย ทำให้เนื้อยุบลงอย่างรวดเร็ว พร้อมผลที่ตามมาในระยะยาวคือ ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย และผิวหย่อนคล้อยจากการสูญเสียคอลลาเจน

สรุปเรื่องฉีดเมโสแฟตช่วยอะไรได้บ้าง และฉีดแฟตกี่วันเห็นผล?

การฉีดเมโสแฟต เป็นหนึ่งในการทำเมโสเทอราปี (Mesotherapy) ที่เน้นในการกำจัดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว โดยการฉีดตัวยา หรือสารที่มีฤทธิ์ในการสลายไขมันลงไปในบริเวณใต้ชั้นผิว ซึ่งไขมันที่ถูกสลายจะถูกกำจัดออกผ่านทางระบบขับถ่าย สามารถทำได้ทั่วบริเวณร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า แก้ม เหนียง ลำคอ ต้นแขน ต้นขา น่อง โดยส่วนของการฉีดแฟตกี่วันเห็นผลนั้น จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และอยู่ได้นานต่อเนื่อง 1 – 2 เดือน อย่างไรก็ตาม หากต้องการผลลัพธ์ที่พึงพอใจจะต้องทำต่อเนื่องประมาณ 4 – 5 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์

บริการของใจรักษ์

หมายเหตุ : ผลลัพธ์ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล

FILLER

ลดริ้วรอย

ULTRAFORMER III &HIFU

THERMAGE

ร้อยไหม

MESO

IV DRIP

TREATMENT

ติดต่อสอบถาม / ปรึกษาคุณหมอฟรี